จะเล่นกล้อง จะซื้อกล้อง หัดถ่ายรูป ไม่รู้เอาตัวไหนดี

คำเตือน : บทความนี้เป็นบทความที่ไม่มีสาระเท่าไหร่ เป็นความเห็นส่วนตัวซะเยอะ หากไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าของท่านสามารถปิดหน้านี้ไปได้เลย

 

 

วันนี้มีน้องที่เคยถ่ายงานรับปริญญาให้ถามมา

 

คือสนใจจะเล่นกล้อง แต่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวไหนดี 555
แล้วก็อยากได้มือสอง พี่พอมีแหละซื้อแนะนำไหมค่า

เป็นคำถามที่แบบว่า ช่างภาพมืออาชีพอย่างเราๆ เจอแทบทุกวัน มีคนมาปรึกษาทุกวัน (แอดไลน์มาเราก็ดีใจนึกว่าจะมีงาน 555+)

 

“อยากซื้อกล้องสักตัว ยี่ห้อไหนดี”

“ไม่เคยเล่นกล้อง เริ่มจากตรงไหนดี”

“มือใหม่หัดถ่ายรูป ซื้อกล้องตัวไหนดี”

“จะเลือกซื้อกล้องอะไรดี อยากเล่นกล้อง”

“พี่ๆใช้กล้องยี่ห้ออะไร”

“ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ดีไม๊”

“พี่ nikon คมกว่า canon จริงไม๊”

“fuji ดีไม๊พี่”

“ซื้อกล้องร้านไหนดี”

“ซื้อกล้องประกันร้านหรือว่าประกันศูนย์ดี”

“กล้องฟูลเฟรม (fullframe) กับตัวคูณ(crop factor) ซื้ออันไหนดี ”

“กล้อง sony ทำไมแพงจัง”

“กล้อง mirorless กับ dslr ซื้ออันไหนดี” (ถ้าขนาดเซ็นเซอร์เท่ากันซื้อ mirorless ดีกว่า ว่างๆจะมาเล่าเรื่องข้อดีข้อเสียของ dlsr กับ mirorless นะครับ เรื่องยาววววมากๆ เอาสั้นๆว่า mirorless ทันสมัยกว่าและเป้นเทคโนโลยีที่จะมาแทน dlsr )

 

ชีวิตช่างภาพมันเศร้า นอกจากวันๆจะโดนทวงงานจากลูกค้าแล้ว ยังต้องมาตอบคำถามมือใหม่ที่ถามกันเข้ามา (ก็พยายามตอบทุกคนนะ เพราะเข้าใจอารมณ์คนอยากเล่นกล้องตอนยังไม่รู้อะไรเลย เคยเป็นมือใหม่มาก่อนเหมือนกัน)

 

เมื่อก่อนก็เคยไปถามอาจารย์คนนู้นคนนี้ คนที่ถ่ายรูปเก่งๆ ตามเว็บบอร์ดกูรูต่างๆ มักจะคำตอบสุดคลาสสิคว่า

“มันอยู่มุมมองน้อง.. กล้องไรก็ถ่ายได้เหมือนกัน”

(เออ..ตอบเหมือนไม่ได้ตอบ จะตอบทำไม – -” )

หรือว่าอีกประเภทนึง เป็นพวกที่พ่อมีหุ้นอยู่ nikon กับ canon จะเสวนากันตามเว็บบอร์ด “canon หนอน” “nikon กาก สกินโทนไม่ดี” “canon หลุดโฟกัส” “nikon คมไป” “canon โฟกัสเร็วกว่า nikon” อ่านไป 5 ชั่วโมงก็ไม่ได้ความรู้อะไร นอกจาก

“กล้องอะไรก็ได้ อยู่ที่คนถ่าย”

(วนกลับมาที่คำตอบเดิม – -“)

 

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ น้องๆคงเริ่มสงสัยแล้วว่า “เมื่อไหร่มรึงจะตอบคำถามให้ตรงประเด็นซักที”

พี่ขอตอบแบบกระชัดสั้นๆ ไม่ต้องไปอ่านต่อที่เว็บไหน หรือเว็บนี้อีกต่อไป

 

“ปิดเว็บหน้านี้แล้วไปซื้อมาเลย จ่ายๆเงินไป เอากล้องมาลอง”

ยี่ห้อไหนออกแบบสวย เอาตัวนั้นเลย ไหนๆเราก็ไม่รู้รายละเอียดภายในกล้องแล้ว เราก็ดูจากภายนอกกล้องพอ ซื้อเลย!

 

เสียค่าโง่ไปซัก 2-3 หมื่น น้องจะตอบคำถามข้างบนได้หมดเลย3

(เรื่องจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่น)

 

 

การถ่ายภาพมันเหมือนกันปั่นจักรยาน หากเราเอาแต่อ่านบทความศึกษาวิธีปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ปั่นจักรยานซักที เราก็ไม่มีวันที่จะปั่นจักรยานเป็น การถ่ายภาพก็เช่นกัน

 

 

จบตอนที่ 1

 


 

ากน้องๆยังอยากล้วงลึกข้อมูลการซื้อกล้องกว่านี้อีกซักหน่อยจะคงต้องเริ่มจากคำถามว่า

“ซื้อกล้องมาเอาไปถ่ายอะไร”

มือใหม่ทุกคนจะตอบว่า “ถ่ายทุกอย่างเลยครับพี่ คน ดอกไม้ ผีเสื้อ วิว แฟชั่น ท่องเที่ยว ฯลฯ”

จบตอนที่ 2

 


 

การเลือกซื้อกล้องอันดับแรกต้องดูอะไร

ตอบ : เงิน – -”

 

การเลือกซื้อกล้องอันดับต่อไปหล่ะ ต้องดูอะไร เอาแบบไม่กวนประสาท เป็นงานเป็นการ

ตอบ : ขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องครับ

 

ใช่ ขนาดเซ็นเซอร์ (sensor) ของกล้องนี่สำคัญมาก มันคือหัวใจของกล้องเลย มันจะทำมากจากวัตถุดิบประเภท semiconductor พวก Germanium(Ge) และ Silicon (Si) เรียกว่า photo diode รับ photon ซึ่งเป็นทั้งอนุภาคและคลื่นประเภทหนึ่งที่มี spectrum ที่ตาของมนุษย์เรามองเห็นได้ เรียกแบบบ้านๆว่า “แสง” นั่นแหละ แล้วบันทึกข้อมูลเหล่านั้นออกมาเป็นภาพในรูปแบบ digital หรือว่าลงบนแผ่นฟิลม์ในสมัยก่อน

และนั่นเป็นที่มาของคำว่า “photography” ซึ่งแปลได้ว่า “วาดภาพด้วยแสง” นั่นเอง…….

(ทำเสียงแบบ TV champion ด้วยนะ จะได้อารมณ์มาก)

 

เข้าประเด็นเลยละกัน ;p

เซ็นเซอร์ของกล้องที่ใช้งานกันโดยทั่วๆไปมี 3 ขนาด

  1. Full frame เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่
  2. Crop factor / กล้องตัวคูณ / APS-C เซ็นเซอร์ขนาดกลาง
  3. Macro Four third เซ็นเซอร์ขนาดเล็ก 4/3 (olympus ส่วนใหญ่จะเป็นเซ็นเซอร์ไซต์นี้)

ขนาดของเซ็นเซอร์ยิ่งใหญ่ ยิ่งแพง ยิ่งมีพื้นที่รับแสงมาก ทำให้ภาพมีมิติ และคมชัดกว่ากล้องเซ็นเซอร์ตัวเล็ก (ภายใต้เงื่อนไข เซ็นเซอร์ชนิดเดียวกัน เลนส์เหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันยกเว้นขนาดของเซ็นเซอร์)

 

ขนาดเซ็นเซอร์
ภาพเปรียบเทียบขนาดเซ็นเซอร์ credit : ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Crop_factor

1.เซ็นเซอร์ Full frame (ขนาดใหญ่) 35mm เหมาะแก่การถ่ายรูปทุกประเภท มืออาชีพใช้ขนาดนี้กันมากที่สุด ถ่ายคนออกมาได้สวยที่สุด สามารถละลายฉากหลังให้เบลอได้มากที่สุด (หากใช้เลนส์ชนิดเดียวกัน)

ตัวอย่ากล้องฟลูเฟรม

nikon d810

nikon d850

nikon d750

nikon z6,z7 (fullframe mirorless รุ่นแรกและรุ่นล่าสุด ของ nikon ล่าสุดของปี 2018)

canon 5d mark3

canon 5d mark4

canon 6d

canon eos -R (fullframe mirorless รุ่นแรกและรุ่นล่าสุดของ canon ล่าสุดของปี 2018)

sony a9

sony a7 ii

sony a7 iii (รุ่นล่าสุดของ sony 2018 , sony น่าจะเป็นยี้ห้อแรกที่มีกล้อง fullframe mirorless สำหรับขายอย่างเป็นทางการเป็นยี่ห้อแรกนะ)

sony a7R iii

sony a7R ii

 

เช่น กล้อง Full frame ใส่กับเลนส์ 50mm f1.8 หากเอามาถ่ายคน ฉากหลังจะเบลอมากกว่า กล้องตัวคูณที่ใส่กับเลนส์ 50mm f1.8

ถ้าเงินถึง ซื้อกล้อง full frame โลด

 

กล้อง full frame ใส่ เลนส์ 85mm f1.4 ละลายฉากหลังให้เละไปเลย สะใจ

 

2.Crop factor / กล้องตัวคูณ / APS-C เซ็นเซอร์ขนาดกลาง

 

ตัวอย่างกล้องตัวคูณ

FUJIFILM X-T100

FUJIFILM X-T20

FUJIFILM X-T3

FUJIFILM X-T2

FUJIFILM X-A10

FUJIFILM X-A5

FUJIFILM X-A3

sony e-mount a600

sony e-mount a6300

sony e-mount a6500

ยี่ห้อ canon ที่ใช้กับเลนส์ EF-S เท่านั้น

ยี่ห้อ nikon ใช้กับเลนส์ Dx  เท่านั้น

 

 

ขนาด sensor เล็กลงมา หากดูภายนอกของกล้อง จะไม่ต่างอะไรมากกับกล้องฟลูเฟรมจากผู้ผลิตยี่ห้อเดียวกัน

ข้อเสียของกล้องที่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็กคือ

credit : ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Crop_factor

-เวลาเราถ่ายภาพคน จะต้องเดินถอยออกมาจากคนมากกว่ากล้องฟลูเฟรม ดังภาพด้านบน (สีแดงคือกล้องฟลูเฟรม สีน้ำเงินคือกล้องตัวคูณ) หากกล้องตัวคูณ(กรอบน้ำเงิน)อยากถ่าย ได้เต็มหัวคนเหมือนกล้องฟลูเฟรม (กรอบแดง) จะต้องเดินถอยห่างออกมาจากแบบเพื่อให้ได้ภาพเหมือนกล้องฟลูเฟรม

-หากใส่เลนส์มุมกว้างกับกล้องประเภทนี้ ภาพที่ได้จะมีการบิดเบี้ยวมากกว่ากล้องฟลูเฟรม

-noise เวลาถ่ายในที่มืด ส่วนใหญ่จะมี noise มากกว่ากล้องฟลูเฟรม (จากประเภทของเซ็นเซอร์ชนิดเดียวกัน) เพราะเซ็นเซอร์กล้องตัวคูณจะมีพื้นที่รับแสงเล็กกว่ากล้องฟลูเฟรม พูดอีกแบบนึงคือ กล้องฟลูเฟรมหากใช้เซนเซอร์ชนิดเดียวกับกล้องที่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็กกว่า จะถ่ายในที่มืดๆได้ดีกว่า

-หากต้องการให้ฉากหลังเบลอ กล้องเซ็นเซอร์ประเภทนี้จะเบลอฉากหลังได้น้อยกว่ากล้องฟลูเฟรม (หากใช้เลนส์ระยะเดียวกัน f เท่ากัน)

 

แต่ไม่ใช่ว่ากล้อง ตัวคูณจะไม่มีข้อดีเลย

ข้อดีของกล้องตัวคูณมีอยู่ 3 อย่างที่เหนือกว่ากล้องฟลูเฟรม

1.การถ่ายภาพ macro พวกดอกไม้ แมลง ฯลฯ กล้องตัวคูณจะให้กำลังขยายมากกว่า กล้องฟลูเฟรม และโดยส่วนใหญ่เลนส์สำหรับกล้องเซนเซอร์ขนาดเล็ก จะสามารถถ่ายใกล้กับวัตถุได้มากกว่าเลนส์กล้องที่ออกแบบมาสำหรับกล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่

2.การถ่ายภาพนก กีฬา ถ่ายภาพที่ต้องการซูมไกลๆ กล้องตัวคูณจะซูมมากกว่ากล้องฟลูเฟรม เช่น

กล้องฟลูเฟรม ใส่เลนส์ 100mm ภาพที่ได้จะมีระยะ 100mm (~ถ่ายได้คนครึ่งตัว)

กล้องตัวคูณ ใส่เลนส์ 100mm ภาพที่ได้จะมีระยะ 150mm (~ถ่ายหัวคน)

กล้อง Macro third , 4/3 ใส่เลนส์ 100mm ภาพที่ได้จะมีระยะ 200mm (~ถ่ายเห็นถึงขนตา)

3.โดยส่วนใหญ่กล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดเล็ก กล้องจะมีน้ำหนักเบา และขนาดเล็กกว่ากล้องฟลูเฟรม ทำให้เหมาะแก่การพกพาไปท่องเที่ยวมาก

 

3.Macro Four third 4/3 กล้องที่มีเซนเซอร์ขนาดเล็กกว่า กล้องตัวคูณ (APS-C) ไปอีก

 

ตัวอย่างกล้อง Micro Four Third

olympus OM-D E-M1 Mark II
olympus OM-D E-M5 Mark II
olympus OM-D E-M10 Mark III
olympus OM-D E-M10 Mark III

กล้อง compact หรือว่าภาษาชาวบ้านเรียกว่ากล้องปัญญาอ่อน ก็ใช้เซ็นเซอร์ขนาดนี้หรือเล็กกว่า

เกร็ดความรู้ olympus ถึงแม้เสป็คจะไม่โดนใจวัยสะรุ่นเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับกล้องสมัยนี้ (2018) แต่ olympus รู้สึกว่าจะเป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้สำหรับขายจริงรุ่นแรกๆที่มีระบบกันสั้น 5 แกนที่ตัวเซ็นเซอร์เลย

ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆในขณะนั้นระบบกันสั้นจะอยู่ที่ตัวเลนส์กล้อง มีช่วงนึงคนที่ถ่ายวีดีโอด้วยกล้อง dlsr จะนิยมกล้อง olympus มาก

 

-ข้อดีข้อเสียเหมือนกับกล้องฟลูเฟรมที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่เทียบกับกล้องตัวคูณที่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็กกว่าเลยครับ

-กล้องประเภทนี้ถ้าคิดว่าจะเอามาถ่ายคนหน้าชัดหลังเบลอ ยากมากครับ ไม่แนะนำ ซื้อกล้องตัวคูณ (APS-C) หรือว่ากล้องฟลูเฟรมไปเลยดีกว่า หากคิดว่าจะเอามาถ่ายภาพคนให้หน้าชัดหลังเบลอ

-โดยส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าจะพกกล้องประเภทนี้ไปถ่ายรูป เพราะความสะดวกสบายมีขนาดเล็กกระทัดรัด เอากล้องมือถือดีๆไปถ่ายรูปดีกว่าครับ

 

 

จบตอนที่ 3

——————————————————————————————————–

ตอนที่ 4 อุปกรณ์เสริมของกล้อง

 

หลังจากที่เล่นกล้องได้ระยะนึงแล้ว หากว่าเราทั้งบ้าและทั้งชอบการถ่ายรูป เราจะเริ่มมองหาอุปกรณ์ต่างๆ เลนส์ระยะต่างๆ ฯลฯ มาใช้งานทันที เรียกว่ามีบ้านขายบ้านมีรถขายรถเพื่อมาซื้ออุปกรณ์กล้องกันเลยทีเดียว

 

-กล้องบางยี่ห้อเลนส์มีให้เลือกน้อย บางระยะไม่มีขาย ต้องใช้เลนส์ยี่ห้ออื่นมาใส่ตัวแปลงเอา

แฟลชหัวค้อน
หน้าตาของแฟลชหัวค้อน

-แฟลชหัวฆ้อนที่ใช้งานแทนแฟลชหัวกล้องตัวเล็กๆ ไม่มีของแฟลชจีนขาย มีแต่ของค่ายที่มีราคาแพง (ซื้อแฟลชค่าย 1 ตัว ซื้อแฟลชจีนได้ 3 ตัว ใช้งานพอๆกัน)

-แฟลชสตู แฟลช beauty disc ฯลฯ  ที่มี hispeed syn บางยี่ห้อมีตัวเลือกน้อยมาก (สำหรับแฟลชสตูแบบ manual ไม่มี hispeed-sync sony,nikon,canon สามารถใช้งานร่วมกันได้)

 

ศึกษาให้ดีครับ กล้องค่ายไหนมีอุปกรณ์เสริม มีเลนส์อะไรให้เลือกบ้าง ค่ายที่มีตัวเลือกให้น้อย บางทีมันจำกัดความสร้างสรรค์และความมันส์ในการถ่ายภาพของเรา

จบตอนที่ 4 มั้ง

 


ตอนที่ 5 ค่าซ่อมกล้อง

 

ไม่ว่าจะถ่ายรูปเล่นหรือว่าถ่ายภาพเป็นอาชีพ กล้องเสีย เลนส์เสีย เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน 100%

ระวังให้ดี

-กล้อง,เลนส์บางค่าย หากว่ากล้องเสีย เลนส์เสีย ค่าซ่อมพอๆกับซื้อใหม่

-เลนส์ บางค่าย แค่ส่งให้ทำความสะอาดฝุ่นที่อยู่ในเลนส์ รอ 1-2 เดือน ค่าใช้จ่ายอีก 2-3 พันบาท (มูลค่าเลนส์แค่ 8000บาท) บอกได้คำเดียว “WTF”

ปล.ฝุ่นเข้าเลนส์ นี่ปัญหาระดับชาติสำหรับช่างภาพเลยนะครับ ไม่ว่าเลนส์ดีแค่ไหน ฝุ่นมันก็เข้าไปในเลนส์ได้ ก็ไม่รู้เข้าไปได้ไง ขนาดเลนส์บางตัวใช้งาน indoor อย่างเดียว ยังแอบมีฝุ่นเข้าไปในเลนส์ได้อีก 1 เม็ด

ใช้ไปนานๆได้ล้างฝุ่นในเลนส์แน่นอน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เช็คให้ดี

ปล.ฝุ่นในเลนส์ส่วนใหญ่ไม่มีผลต่อภาพที่ถ่าย แต่มีผลทางจิตใจ ;p

ปล.ราในเลนส์มีผลต่อภาพถ่าย ถึงแม้เอาไปล้างเลนส์แล้ว เลนส์ก็จะไม่ใสเหมือนเดิม เวลาถ่ายย้อนแสง จะฟุ้งมาก มีเงาขาวๆทั้งภาพ แทบใช้งานไม่ได้ จากเลนส์กล้องก็กลายเป็นที่ทับกระดาษไป เลนส์กล้องใช้เสร็จต้องใส่ตู้กันชื้นเสมอนะเออ

หากอยากศึกษาเรื่องราในเลนส์ จากประสบกาณณ์ ก็ทิ้งเลนส์ไว้เฉยๆไม่ใส่ตู้กันชื้นราวๆ 5 ปีครับ โอกาสประสบความสำเร็จในการเพาะราราวๆ 70%

 

ถาม: บอกเลยได้ไม๊ยี่ห้ออะไรไม่มีปัญหาในส่วนนี้

ตอบ: nikon กับ canon ทั้งเลนส์และกล้อง บริการดีเหมือนกัน เร็วเหมือนกัน

canon มีศูนย์บริการตามห้างต่างๆด้วย mbk มีแน่นอน 1 ที่ ห้างอื่นไม่แน่ใจ แต่รู้ว่ามี

nikon มีศูนย์ที่เดียวที่ empire tower สาทร (ปล.ค่าจอดรถแพงมากกกก วนรถหาที่จอดรถใต้ดินก็นานมากกก แทบจะลงไปสุดชั้นเปลือกโลกกว่าจะมีที่จอด ไม่จำเป็นต้องขับรถไป ก็ไป BTS เถอะครับ)

ยี่ห้ออื่นไม่รู้,ไม่บอก ;p

 


 

ตอนที่ 6 เลนส์มือหนึ่ง ประกันร้านหรือประกันศูนย์ดี

เมื่อท่านซื้อกล้องมาแล้ว ต่อมาเงินในกระเป๋าท่านจะร้อนรนมาก จะเข้าตามเว็บกล้องต่างๆ ไปอ่านรีวิวกล้องเลนส์กล้องทุกชนิดในโลกนี้

เมื่อได้เลนส์กล้องที่อยากได้แล้ว ก็มีปัญหาปวดหัวตามมาอีก

เลนส์ประกันร้านหรือประกันศูนย์ดี

 

มารู้จักอาการเลนส์เสียที่เจอบ่อยๆกันก่อน

1.ทำเลนส์ตก หน้าเลนส์แตก ส่วนใหญ่ ค่าซ่อมก็พอๆกับซื้อใหม่ หากเป็นเลนส์ที่ราคา 4-5 หมื่นขึ้นไป ค่าซ่อมก็ราวๆ 50%+ ของมูลค่าเลนส์ ร้านซ่อมกล้องทั่วๆไปส่วนใหญ่ซ่อมไม่ได้ ต้องส่งซ่อมศูนย์ใหญ่

ถ้าเลนส์ราคาต่ำกว่าหมื่นสองหมื่น แล้วทำหน้าเลนส์แตก เตรียมซื้อใหม่ได้เลย แทบไม่ต้องส่งซ่อม

2.เลนส์โฟกัสไม่ได้ เกิดจากมอเตอร์โฟกัสเสีย หรือสายแพรมอเตอร์ขาด เลนส์ประกันร้าน ส่งซ่อมร้านทั่วๆไปโลด 2-3 วัน ก็ซ่อมเสร็จและ ค่าซ่อมไม่กี่ร้อยถึงหลักพันแล้วแต่อาการกับยี่ห้อ

3.ฝุ่นเข้าเลนส์ ส่งร้านทั่วไปล้างฝุ่นก็ได้ หรือส่งศูนย์ก็ได้

4.ทำเลนส์ตกน้ำ ไม่ว่าจะเลนส์ตกน้ำหรือกล้องตกน้ำ ซ่อมยากมาก โดยเฉพาะตกน้ำทะเล (เพราะน้ำทะเลเป็นอิเล็กโทรไลต์อย่างดี ทำให้วงจรช๊อตทุกจุด) ทำใจไม่ต้องซ่อมได้เลย บางยี่ห้อศูนย์จะปฏิเสธการซ่อมด้วย หากรู้มาว่าเลนส์หรือกล้องตกน้ำมา

 

 

เลนส์ประกันร้าน คือ เลนส์ที่ร้านขายนำเข้ามาจากต่างประเทศโดยตรง ไม่ผ่านตัวแทนขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

เช่น หากเราไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วซื้อเลนส์ที่ญี่ปุ่นกลับมาใช้เมืองไทย นั่นแหละ คล้ายๆเลนส์ประกันร้าน

ราคา : มักมีราคาถูกกว่าประกันศูนย์ เพราะหิ้วจากต่างประเทศเข้ามาเอง ด้วยวิธีต่างๆ

ระยะเวลาประกัน : ประกันร้านส่วนใหญ่ มีประกันร้าน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี

การซ่อมในระยะประกัน : หากเลนส์เสียในระยะประกันร้าน ก็ส่งให้ทางร้าน เอาไปซ่อม บางร้านก็ซ่อมเอง ส่งซ่อมในเมืองไทยเอง หรือส่งกลับไปประเทศต้นทางไปซ่อม

ทำให้ระยะเวลาในการซ่อมนาน อาจถึง 2-3 เดือน ถ้าขี้เกียจรอนาน ก็ส่งซ่อมเองตามร้านซ่อมเลนส์ในเมืองไทยได้เลยจร้า ค้นหาร้านซ่อมตาม google ได้เลย

ราคาขายต่อ ขายทิ้งมือสอง : ราคาไม่ดีเท่าเลนส์ประกันศูนย์

 

เลนส์ประกันศูนย์ คือ เลนส์ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเป็นคนขายเอง

ราคา :  แพงสุด เพราะมี vat 7% เสียภาษีนำเข้า เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ระยะเวลาประกัน : ประกันศูนย์ส่วนใหญ่ประกัน 1 ปี

การซ่อมในระยะประกัน : หากเลนส์เสียในระยะประกันศูนย์ ศูนย์ก็ซ่อมเองในเมืองไทย ทำให้ระยะเวลาซ่อมส่วนใหญ่จะเร็ว แต่บางยี่ห้อก็ซ่อมช้านะเออ แค่รอคิวซ่อมเป็นเดือนเหมือนกัน

(แล้วจะซื้อเลนส์ประกันศูนย์ทำไม(ฟะ?))

ถ้ามีเวลาว่างมาก ก็ลองโทรไปศูนย์ยี่ห้อนั้นๆ เนียนๆ ว่า “พี่เลนส์หนูมีฝุ่นเข้าในเลนส์ / พี่เลนส์หนูโฟกัสไม่ได้ มอเตอร์เลนส์เสีย ค่าซ่อมเท่าไหร่ ซ่อมกี่วัน”

เราก็จะรู้ค่าซ่อมและเวลาซ่อมและ ง่ายมาก ;p

ค่าซ่อม : ศูนย์จะซ่อมเลนส์และกล้องที่ประกันศูนย์ถูกกว่า เลนส์และกล้องที่ไม่ประกันศูนย์ หากเอาเลนส์หรือกล้องประกันร้านไปให้ศูนย์ซ่อมจะรอคิวนานกว่า และจะโดนบวกราคาค่าซ่อม

ราคาขายต่อ ขายทิ้งมือสอง : ราคาดีกว่าเลนส์ประกันร้าน

 

สรุป แล้วซื้อเลนส์ประกันร้าน หรือประกันศูนย์ดี

ดูที่ราคากับค่าซ่อมเป็นหลักเลยจร้า

เช่น

เลนส์ประกันร้าน 5000 บาท เลนส์ เลนส์ประกันศูนย์ 10000 บาท -> ซื้อประกันร้านโลด ราคาต่างกัน 5000 บาท คิดซะกว่ามีคูปองซ่อมเลนส์ล้างฝุ่นในเลนส์อีก 5000 บาทให้ใช้ฟรีๆ  ;P

เลนส์ประกันร้าน 8000 บาท เลนส์ เลนส์ประกันศูนย์ 10000 บาท -> อันนี้เลือกยาก  ต่างกันไม่เยอะ

เลนส์ประกันร้าน 9000 บาท เลนส์ เลนส์ประกันศูนย์ 10000 บาท ->  ประกันศูนย์โลด เลนส์ใช้ไปนานๆ จะได้เอาไปล้างฝุ่นในเลนส์อยู่แล้ว ต่างกันพันเดียว ถ้าซื้อเลนส์ประกันร้านเอาไปล้างฝุ่นที่ศูนย์หรือแจ็คพ๊อตเลนส์พังมา โดนศูนย์บวกค่าซ่อมอีก ในจะคิวซ่อมที่นานกว่า ซื้อประกันศูนย์โลด

 

ปล. ไม่ว่าจะซื้อเลนส์ประกันศูนย์หรือประกันร้าน ควรเอากล้องไปลองเลนส์นะครับ ถ้าร้านไหนไม่ให้ลองก็ไม่ต้องซื้อ

  • ต้องลองฟังเสียงมอเตอร์โฟกัสว่ามีเสียงแปลกๆรึเปล่า
  • เอาไฟฉายไปส่องในเลนส์ดูว่ามีฝุ่นมีราในเลนส์ไม๊
  • ถ้าเป็นเลนส์ซูม ต้องลองซูมดูว่า มีเสียงแปลกๆเวลาซูมไม๊ ซูมฟืดหรือว่าซูมลื่นไปรึเปล่า
  • ฯลฯ

แต่เลนส์มือหนึ่งส่วนใหญ่ไม่มีปัญหานะ

 


ตอนที่ 7 ซื้อเลนส์มือหนึ่ง หรือว่าเลนส์มือสองดี

อันนี้เรื่องยาวมากกกกกกก ว่างๆ มาเล่า

 

สรุปง่ายๆ

มือใหม่เลนส์กล้อง ซื้อเลนส์มือหนึ่งโลด

จะซื้อเลนส์ประกันร้านหรือว่าเลนส์ประกันศูนย์ก็แล้วแต่ชอบได้เลย อธิบายไว้ในตอนที่ 6 และ

———————————————————————————————————-

 

つづく  ว่างๆ มาเล่าต่อ

 

note ไว้ก่อน หากจะซื้อกล้องมือสองของ nikon ต้องซื้อกล้องที่ผลิตหลังปี 2014 นะครับ กล้องที่ใช้ชิป EXPEED 4 ขึ้นไป เพราะว่ากล้องก่อนหน้านี้ของ nikon โดยส่วนตัวรู้สึกว่า contrast หนักไป และเก็บรายละเอียดแสงช่วงสีส้มไม่ดี ไม่เยอะพอ ทำให้ skin tone ไม่โดนใจข้าพเจ้า นี่อาจเป็นเหตุผลที่เมื่อก่อนจะเห็นช่างภาพถ่าย fashion ใช้กล้อง canon กันซะเยอะ (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ)

กล้อง nikon ที่ผลิตหลังปี 2014 และ ใช้ชิป EXPEED 4 ขึ้นไปได้แก่…..

 

กล้องตัวคูณราคาไม่แพงสำหรับมือใหม่  = d3300 d3400 d5500 d5600

กล้องตัวคูณ = d7200 d7500

กล้องฟูลเฟรม = d750 d850

 

กลับมาคำถามเดิม แล้วซื้อ nikon ตัวไหนดี?

ตอบแบบสั้นๆเลย งบน้อยไป Nikon d750 มือสอง งบเยอะไป Nikon d850

 

แล้วก็มีงบเยอะกว่านั้นอีกหล่ะ ซื้อกล้องตัวไหนดี?

ไปเล่น sony เซนเซอร์ฟูลเฟรมเลยครับ พวก sony alpha a7r3, sony alpha a9 เทพสุดในสามโลกเลย… ความเห็นโดยส่วนตัวของข้าพเจ้า

 

แล้วถ้ามีงบเยอะกว่าจะซื้อ sony alpha a9 เลนส์ค่ายครบช่วงอีกหล่ะพี่ เอายังไงดี?

น้องมาจ้างพี่ไปเป็นช่างภาพส่วนตัวเถ๊อะ ถ่ายรูปทั้งวัน วันคืน ทุกวัน ทุกโอกาสเลยครับ

 

แล้วก็อย่าลืมประโยคคลาสสิคว่า

“ถ่ายภาพให้สวยมันอยู่ที่คนถ่าย แบบ แสง ดวง และโอกาส อุปกรณ์เทพๆ มันทำให้เราทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้นแค่นั้นเอง”

 

FAQ

ถาม : พี่ครับ อยากศึกษาเพิ่มเติม สอบถามเพิ่มเติมทางไหนได้บ้างครับ

ตอบ : googleเลยครับน้อง (พี่ไม่ว่าง งานเยอะ)

ถาม : พี่ค่ะ อ่านจบแล้วก็ยังไม่รู้เอากล้องตัวไหนดีคะ

ตอบ : รีบแอดไลน์ส่วนตัวพี่เลยครับ

 

 

บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ในการนำไปโพสต่อที่เว็บไซต์ใดๆและสื่อทุกประเภท ยกเว้นการแปะลิงค์ใน facebook และ google+ เท่านั้น หากต้องการนำบทความไปใช้ กรุณาติดต่อมาที่ line:lastproject.photos 

 

 

 

 

แสดงความเห็น / Leave a Reply